ภาพตัวอย่าง Use Case Diagram ของ Reg Naresuan University แบบผู้ใช้ทั่วไป ไม่ Login
นายอดิศร สุริยา 54362678 Computer Engineering
วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557
"ไอซีที" จัดทำมาตรฐานวิชาชีพคุณวุฒิสาขา ICT
นับแต่อดีตที่ผ่านมา
ประเทศไทยได้พัฒนาระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้นักเรียนนักศึกษาที่จบการศึกษามีความรู้ในด้านวิชาการที่ดีมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ดังนั้นประเทศไทยจึงใช้ระบบคุณวุฒิทางการศึกษาเป็นสิ่งวัดระดับความสามารถของบุคคลและเป็นสิ่งสำคัญในการจ้างงานทั้งในภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอด
เมื่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรับผู้จบการศึกษาที่มีความรู้ทางวิชาการเข้ามาทำงานแล้ว
ต้องทำการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้บุคลากรใหม่มีสมรรถนะที่จะสามารถทำงานให้กับองค์กรได้ต่อไปซึ่งต้องใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
แต่หลังจากที่ยุคสมัยได้มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงภาวะการณ์ในปัจจุบัน
ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาคธุรกิจต้องปรับตัวเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งโดยการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นโดยเฉพาะการเพิ่มสมรรถนะบุคลากรเดิม
ส่วนบุคลากรใหม่ก็ต้องมีความสามารถและสมรรถนะเพียงพอที่จะเริ่มงานได้ในทันทีเช่นเดียวกัน
จะมีความรู้แต่ในเชิงวิชาการเช่นเดียวกับในอดีตไม่ได้ ซึ่งในหลายประเทศได้ทำการพัฒนาระบบฐานสมรรถนะบุคคลซึ่งรู้จักกันดีในนาม“ระบบคุณวุฒิวิชาชีพ”มาอย่างต่อเนื่องและบางประเทศได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน
นอกจากนั้นจากการที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC จะมีผลอย่างเต็มรูปแบบในปี ๒๕๕๘ที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้ประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันโดยการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเพื่อทำงานระหว่างประเทศสมาชิกได้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีกฏเกณฑ์หรือระบบคุณวุฒิวิชาชีพมารองรับ ดังนั้นจึงเห็นควรดำเนินโครงการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อเป็นการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน บุคลากรในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำไปพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะของตนเอง ผู้ประกอบการสามารถจ้างงานได้ตรงกับความต้องการ สถานศึกษาสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ และจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยได้ในที่สุด
สำหรับ การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอกระบวนการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ ตามแนวทางการประเมินมาตรฐานอาชีพในระดับต้นและระดับที่สูงขึ้น ที่ได้ทำการทดลองประเมินสมรรถนะของแต่ละระดับตามที่กำหนดไว้ในคุณวุฒิวิชาชีพของสาขาอาชีพเป้าหมาย และรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 6 สายงาน เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนามาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพที่เหมาะสมและสอดคล้องกับประเทศไทยต่อไป
1) สายงานซอฟต์แวร์และการประยุกต์ (Software and Application) 5 อาชีพ ได้แก่
- ทดสอบระบบ
- พัฒนาระบบ
- วิเคราะห์ออกแบบระบบ
- วิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจ
- ควบคุมคุณภาพ
- ช่างสื่อสัญญาณโทรคมนาคมด้านไมโครเวฟ
- นักเทคโนโลยีสื่อสัญญาณโทรคมนาคม ด้านไมโครเวฟ
- ช่างสื่อสัญญาณโทรคมนาคมด้านระบบรับ-ส่งคลื่นวิทยุสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่
- นักเทคโนโลยีสื่อสัญญาณโทรคมนาคมด้านระบบรับ-ส่งคลื่นวิทยุสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่
- ช่างโครงข่ายปลายทางด้านเครือข่ายสายใยแก้วนำแสง
3) สายงานฮาร์ดแวร์ (Hardware) 4 อาชีพ ได้แก่
- ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอซีที
- จัดหาและคัดเลือกวัสดุและอุปกรณ์สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ไอซีที
- ผลิตและตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ไอซีที
- บริการด้านคอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
4) สายงานแอนิเมชั่น (Animation) 8 อาชีพ ได้แก่
- ออกแบบโครงเรื่องแอนิเมชั่น
- นักทัศนศิลป์
- เขียนสตอรี่บอร์ด
- ผลิตโครงสร้างตัวละครแอนิเมชั่น
- สร้างภาพแอนิเมชั่น
- ช่างตัดต่อแอนิเมชั่น
- ช่างออกแบบเสียงแอนิเมชั่น
- นักบริหารโครงการ
- ช่างสนับสนุนด้านเทคนิค
- บริหารจัดการระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- บริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยระบบเครือข่ายและคอมพิวเตอร์
- นักบริหารโครงการสารสนเทศ
วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557
What Is Software Engineering Anyway?
Software Engineering จะต้องตอบคำถามจำนวนมากมาย
- จะสามารถช่วยลูกค้าไ้ด้อย่างไร สิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาของลูกค้าคืออะไร
- วิธีการที่ผู้ใช้จะโต้ตอบกับระบบเป็นอย่างไร
- สิ่งที่ระบบปฏิบัติการ, ภาษา, ฮาร์ดแวร์จะถูกใช้งาน คืออะไร
- สิ่งที่เป็นโครงสร้างโดยรวมของระบบซอฟต์แวร์และวิธีการโต้ตอบขององค์ประกอบอื่นที่แตกต่างมีกันคืออะไร
- จะจัดการทีมงานเพื่อให้มีที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
- เราสามารถจบงานในเวลา เพื่อที่จะมีมันอยู่บนชั้นวางสำหรับช้อปปิ้งวันหยุดได้หรือไม่
SE == CS ?
- นักวิทยาศาสตร์สร้างสิ่งที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
- วิศวกรเรียนรู้สิ่งที่จะออกแบบและสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ
- นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะบรรลุความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
- วิศวกรจะหลีกเลี่ยงความล้มเหลวทางวิศวกรรม
- นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ต้องการเข้าใจขั้นตอนวิธีการ และรากฐานของการคำนวณทางทฤษฏี
- วิศวกรซอฟแวร์ ต้องการที่จะเรียนรู้หลักการออกแบบและการปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างระบบซอฟแวร์ที่มีคุณภาพ
-นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะรู้ว่าพื้นฐานการทำงานของเทคโนโลยีและการที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
- วิศวกรซอฟต์แวร์ต้องการทราบลักษณะของเทคโนโลยีเพื่อให้พวกเขาสามารถออกแบบเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดในระบบซอฟต์แวร์ของพวกเขา
ในหนึ่งปี ทีมหนึ่งมีนักเรียน5คน เขียนโค้ด 26163 บรรทัด
*ซึ่งจำนวนหนึ่งสร้างขึ้นจากสคริป*
สิ่งใดที่เหมือนเป็นนักเรียน
- 1% ของภาคการศึกษาถือเป็น 99% ของห้องสมุด
- ตอบสนองความต้องการของทุกคน
- พยายามในสิ่งใหม่มากๆ
- ทำการบ้าน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- ทีมเวิร์คเป็นสิง่สำคัญ
- จะสามารถช่วยลูกค้าไ้ด้อย่างไร สิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาของลูกค้าคืออะไร
- วิธีการที่ผู้ใช้จะโต้ตอบกับระบบเป็นอย่างไร
- สิ่งที่ระบบปฏิบัติการ, ภาษา, ฮาร์ดแวร์จะถูกใช้งาน คืออะไร
- สิ่งที่เป็นโครงสร้างโดยรวมของระบบซอฟต์แวร์และวิธีการโต้ตอบขององค์ประกอบอื่นที่แตกต่างมีกันคืออะไร
- จะจัดการทีมงานเพื่อให้มีที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
- เราสามารถจบงานในเวลา เพื่อที่จะมีมันอยู่บนชั้นวางสำหรับช้อปปิ้งวันหยุดได้หรือไม่
SE == CS ?
- นักวิทยาศาสตร์สร้างสิ่งที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
- วิศวกรเรียนรู้สิ่งที่จะออกแบบและสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ
- นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะบรรลุความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
- วิศวกรจะหลีกเลี่ยงความล้มเหลวทางวิศวกรรม
- นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ต้องการเข้าใจขั้นตอนวิธีการ และรากฐานของการคำนวณทางทฤษฏี
- วิศวกรซอฟแวร์ ต้องการที่จะเรียนรู้หลักการออกแบบและการปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างระบบซอฟแวร์ที่มีคุณภาพ
-นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะรู้ว่าพื้นฐานการทำงานของเทคโนโลยีและการที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
- วิศวกรซอฟต์แวร์ต้องการทราบลักษณะของเทคโนโลยีเพื่อให้พวกเขาสามารถออกแบบเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดในระบบซอฟต์แวร์ของพวกเขา
ในหนึ่งปี ทีมหนึ่งมีนักเรียน5คน เขียนโค้ด 26163 บรรทัด
*ซึ่งจำนวนหนึ่งสร้างขึ้นจากสคริป*
สิ่งใดที่เหมือนเป็นนักเรียน
- 1% ของภาคการศึกษาถือเป็น 99% ของห้องสมุด
- ตอบสนองความต้องการของทุกคน
- พยายามในสิ่งใหม่มากๆ
- ทำการบ้าน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- ทีมเวิร์คเป็นสิง่สำคัญ
วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557
week 9
Pipeline
- ไปป์ไลน์(Pipeline) คือ การทํางานแบบคาบเกี่ยวกัน (overlap) โดยการแบ่งซีพียูออกเป็นส่วนย่อยๆ แล้วแบ่งงานกันรับผิดชอบ- เดิมไปป์ไลน์เป็นเทคนิคของสถาปัตยกรรมแบบ RISC ต่อมานํามาใช้กับสถาปตยกรรมแบบ CISC
- แบ่งเป็นภาคหลัก ๆ คือ ภาคเฟ็ตช์คําสั่ง (Instruction Fetch)
- ภาคการถอดรหัสคําสั่ง (Instruction Decode)
- ภาครับข้อมูล (Get Operands)
- ภาคเอ็กซิคิวต์ (Execute)
- ภาคเขียนผลลัพธ์ (Write Result)
ปัญหาที่เกิดจาก pipeline คือ
1.Structural Hazards : เกิดจากการขัดแย้งเมื่อ hardware ไม่สามารถรองรับการรวมชุดคำ สั่งพร้อมกันในเวลาเดียวกัน เกิดการทับซ้อนกันเมื่อมีการ execute
2.Data Hazards : เกิดจากการทีชุดคำสั่งทับซ้อนกัน ไม่สามารถที่จะ execute
3.Control Hazard : pipe line ที่แยกชุดคำสั่งไม่สามารถควบคุมสัญญาณได้
Pipeline hazard
เหตุการณ์ที่อาจเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับผลลัพธ์ที่ออกมาได้เนื่องจากคำสั่งบางคําสั่งจะมีการเขียนผลลัพธ์ลงบนตัว Operand บางตัวที่ต้องถูกอ่านค่าจากอีกคำสั่งหนึ่ง
ประเภทของการเกิด Pipeline hazard
1.Data hazard
2.Branch hazard
1.Data hazard
“Read after write” หรือ RAW Data hazard
100: add r0, r2, r4
104: sub r3, r0, r1
- Write after write (WAW)
- Write after read (WAR)
- เปรียบเทียบ RAW, WAW และ WAR
RAW WAW WAR
1. add r0, r1, r2 1. add r0, r1, r2 1. add r2, r1, r0
2. sub r4, r3, r0 2. sub r0, r4, r5 2. sub r0, r3, r4
2.Branch hazard
- Branch delay
- ระบบจะต้องเก็บข้อมูลบางอย่างเอาไว้เช่น แอดเดรสของชุดคําสั่งก่อนและหลังที่จะพบปัญหา branch delay หรือค่า PC ของชุดคําสั่งถัดจากคำสั่ง branch ควรจะเป็นค่าใด
- หน่วยความจําแคช มักจะใช้ branch prediction ที่เรียกว่าBranch Target Buffer (BTB) เข้ามาทํางานร่วมกันใน
- ชิพของโปรเซสเซอร์
โครงสร้าง CPU ของ Laptop ที่มีอยู่
CPU = Intel Core i7-2670QM (2.0 GHz, 6 MB L3 Cache, up to 2.90 GHz)
Chipset = Mobile Intel? HM67 Express
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557
สรุปเนื้อหา ครั้งที่ 1
Floating point
เลขนัยสำคัญ × ฐาน เลขชี้กำลัง
big-endian และ little-endian
big-endian และ little-endian เป็นคำอธิบายลำดับของกลุ่มไบต์ที่เก็บในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ big-endian เป็นลำดับโดยที่ "big end"(มีค่านัยยะสำคัญในชุดข้อมูลที่เก็บเป็นอันดับแรก(ที่addressน้อยที่สุดของหน่วยเก็บข้อมูล little-endian เป็นลำดับโดยที่"little end"(มีความสำคัญน้อยในกลุ่มข้อมูล)จะได้รับการเก็บเป็นอันดับแรกเช่น คอมพิวเตอร์ big-end ต้องการ 2 ไบต์ ของเลขฐานหกหมายเลข 4FS2 จะได้รับการเก็บที่ 4FS2 ในหน่วยเก็บข้อมูล(ถ้า 4F เก็บที่ตำแหน่ง 1000 และ S2 จะเก็บที่ตำแหน่ง 1001)ในระบบ lettle-endion จะเก็บเป็น S24F (S2 เก็บที่ตำแหน่ง 1000 และ 4F ที่ 1001)Floating point
มาตรฐาน IEEE-754 เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นโดยหน่วยงาน ชื่อ IEEE (The Institute of Electrical and Electronics Engineers)เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการเก็บเลขทศนิยม (Floating Point) ในระบบคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันของ IEEE 754 คือ IEEE 754-2008 ซึ่งเผยแพร่ในสิงหาคม ค.ศ.2008 ซึ่งถูกรวมเข้ากับต้นฉบับ IEEE 754-1985 ( ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี 1985) และมาตรฐาน IEEE สำหรับ Radix-Independent Floating -Point Arithmetic ( IEEE 854-1987 )
ในทางคอมพิวเตอร์ จำนวนจุดลอยตัว (อังกฤษ: floating point) คือระบบแทนจำนวนชนิดหนึ่ง ซึ่งจำนวนนั้นอาจมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กเกินกว่าที่จะแทนด้วยจำนวนเต็ม เนื่องจากจำนวนต่าง ๆ สามารถเขียนแทนด้วยเลขนัยสำคัญ (mantissa) จำนวนหนึ่งโดยประมาณ และเปลี่ยนสเกลด้วยเลขชี้กำลัง (exponent) ฐานของสเกลปกติจะเป็น 2, 10 หรือ 16 เป็นต้น จำนวนทั่วไปจึงสามารถเขียนให้อยู่ในรูปแบบนี้ได้
คำว่า จุดลอยตัว จึงหมายถึงจุดฐาน (จุดทศนิยม หรือในคอมพิวเตอร์คือ จุดทวินิยม) ที่สามารถ "ลอยตัว" ได้ หมายความว่า จุดฐานสามารถวางไว้ที่ตำแหน่งใดก็ได้ที่สัมพันธ์กับเลขนัยสำคัญของจำนวนนั้น ตำแหน่งนี้แสดงไว้แยกต่างหากในข้อมูลภายใน และการแทนด้วยจำนวนจุดลอยตัวจึงอาจถือว่าเป็นสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ในบริบทของคอมพิวเตอร์ หลายปีที่ผ่านมา คอมพิวเตอร์ใช้งานจำนวนจุดลอยตัวในรูปแบบที่แตกต่างกัน เวลาต่อมาจึงทำให้เกิดมาตรฐาน IEEE 754 สำหรับจำนวนที่พบได้อย่างปกติสามัญชนิดนี้
ข้อดีของจำนวนจุดลอยตัวที่มีต่อจำนวนจุดตรึง (fixed point รวมทั้งจำนวนเต็ม) คือจำนวนจุดลอยตัวสามารถรองรับค่าได้ในขอบเขตที่กว้างกว่า ตัวอย่างเช่น จำนวนจุดตรึงที่มีตัวเลขเจ็ดหลัก และกำหนดให้สองหลักสุดท้ายอยู่หลังจุด สามารถแทนจำนวนเหล่านี้ได้ 12345.67, 123.45, 1.23 ในขณะที่จำนวนจุดลอยตัว (ตามเลขฐานสิบของมาตรฐาน IEEE 754) ที่มีตัวเลขเจ็ดหลักเช่นกัน สามารถแทนจำนวนเหล่านี้ได้อีกเพิ่มเติม 1.234567, 123456.7, 0.00001234567, 1234567000000000 เป็นต้น แต่ข้อเสียคือรูปแบบของจำนวนจุดลอยตัวจำเป็นต้องใช้หน่วยเก็บข้อมูลมากขึ้นอีกเล็กน้อย (สำหรับเข้ารหัสตำแหน่งของจุดฐาน) ดังนั้นเมื่อจำนวนทั้งสองประเภทเก็บบันทึกอยู่ในที่ที่เหมือนกัน จำนวนจุดลอยตัวจะใช้เนื้อที่มากกว่าเพื่อเพิ่มความเที่ยง (precision)
การแทนค่าภายใน
โดยทั่วไปจำนวนจุดลอยตัวบรรจุอยู่ในข้อมูลคอมพิวเตอร์ เป็นบิตเครื่องหมาย เขตข้อมูลเลขชี้กำลัง และเขตข้อมูลซิกนิฟิแคนด์ (แมนทิสซา) ตามลำดับจากซ้ายไปขวา สำหรับรูปแบบ IEEE 754 ในฐานสองจะถูกแบ่งสรรดังนี้วิธีการปัดเศษ
วิธีการปัดเศษทางเลือกอื่นก็มีให้ใช้ได้ IEEE 754 ได้ระบุวิธีการปัดเศษไว้ดังนี้- ปัดเศษเข้าหาศูนย์(Round toward 0) (การปัดเศษทิ้ง คล้ายพฤติกรรมปกติในการแปลงจำนวนจุดลอยตัวเป็นจำนวนเต็ม เช่นจาก −3.9 เป็น −3)
- ปัดเศษขึ้น(Round toward + in finity(Ceiling)) (ในทิศทางเข้าสู่ +∞ ดังนั้นค่าลบจะปัดเศษเข้าหาศูนย์)
- ปัดเศษลง(Round toward - in finity(Floor)) (ในทิศทางเข้าสู่ −∞ ดังนั้นค่าลบจะปัดเศษออกจากศูนย์)
- ปัดเศษสู่ค่าใกล้สุด ซึ่งค่าที่อยู่กึ่งกลางจะปัดเศษในทิศทางออกจากศูนย์(Round toward, tie away from zero) (เป็นทางเลือกสำหรับจำนวนจุดลอยตัวฐานสอง และเป็นปกติสามัญในฐานสิบ)
- ปัดเศษสู่ค่าใกล้สุด ซึ่งค่าที่อยู่กึ่งกลางจะปัดเศษสู่เลขโดดที่เป็นเลขคู่ที่อยู่ใกล้สุดในตำแหน่งที่ต้องการ(Round to nearest, tie to even)(วิธีการปริยายและปกติสามัญที่สุด)
ตัวอย่าง
จงแสดงค่าในหน่วยความจำบนเครื่องคอมพิวเตอร์ 32-bit แบบ Big-Endian ของ -37.140625
ถ้าจัดเก็บแบบ Binary 16 (Sign : 1 bit, Exponent : 5 bit,
Mantissa : 10 bit, Bias :15)
37.140625 = 100101.001001
ซึ่งเขียนในรูปแบบ Scientific Notation เป็น 1.00101001001 X 2^5 (เลื่อนไป 5
ตำแหน่งเรียก 5 ว่าเป็น exponent ถ้าเลื่อนไปข้างหน้า
exponent จะเป็น + ถ้าเลื่อนจุดมาข้างหลัง
exponent จะเป็น - )
Biased Exponent(E) = Bias + exponent
= 15+5
= 20
= 0001 0100 แปลงเป็น เลขฐาน 2 จำนวน 5 bit ได้ 1 0100
Significant (Mantissa)(M) = 00101001001
Sign(6) = 1
- Sign = 0 --> ค่า +
- Sign = 1 --> ค่า -
1. (1101 0000 1010 0100)2 = (D0A4)16
2. (1101 0000 1010 0100)2 = (D0A4)16
3. (1101 0000 1010 0101)2 = (D0A5)16
4. (1101 0000 1010 0101)2 = (D0A5)16
5. (1101 0000 1010 0100)2 = (D0A4)16
***เกิดเศษขึ้นมาคือ 1 Bit เพราะฉะนั้น เราจะต้องทำการปัดเศษ
ปัดเศษ
1.ปัดเศษเข้าหาศูนย์(Round toward 0)
= (1101 0000 1010 0100 = D0A4
2.ปัดเศษขึ้น(Round toward + in finity(Ceiling))
= 1101 0000 1010 0100 = D0A4
3.ปัดเศษลง(Round
toward - in finity(Floor))
=
1101 0000 1010 0101 = D0A5
4.ปัดเศษสู่ค่าใกล้สุด
ซึ่งค่าที่อยู่กึ่งกลางจะปัดเศษในทิศทางออกจากศูนย์(Round toward, tie away from zero)
=
1101 0000 1010 0101 = D0A5
5.ปัดเศษสู่ค่าใกล้สุด
ซึ่งค่าที่อยู่กึ่งกลางจะปัดเศษสู่เลขโดดที่เป็นเลขคู่ที่อยู่ใกล้สุดในตำแหน่งที่ต้องการ(Round to nearest, tie to even)
=
(1101 0000 1010 0100)2 = (D0A4)16
เพราะฉะนั้น
ค่าในคอมพิวเตอร์ 32-bit
แบบ Big-Endian คือ D0 A4 0 0 0 0
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
